พ่อผมเป็นโรคประจำตัว คือเบาหวาน
แต่อานิสงค์ ของการบวช และ ปฏิบัติกรรมฐาน
ทำให้ท่านอยู่ได้ โดยไม่ต้องพึ่งยาอะไรมากมาย
ฉันมือ้เดียว กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย อยู่คนเดียวกลางป่า
กลางคืน เดินจงกลม นั่งสมาธิ ...
ทำให้ท่านพออยู่ได้ โดยไม่ต้องพึ่งยามากมาย
แม่ผม อายุ ปรมาณ 70 กว่าๆ อยู่บ้านนอก
ผมเองทำงานกรุงเทพ ปีหนึ่ง ก็กลับบ้าน ไปกราบเท้าแม่
ปีละ ครั้งสองครั้ง ...
แม่... ท่านไม่ค่อยสบาย เป็นโรคหัวใจ
แต่ก็อยู่ได้ เพราะแม่สวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ ทุกคืน
ใจบุญสุนทาน หมั่นสร้างบุญ สร้างกุศล อยู่เนืองๆ
ทำให้แม่ สบายใจ ไม่เป็นทุกข์ แม้ว่าบางครั้ง ร่างกายจะเจ็บป่วย
แต่กำลังใจดี ทำให้แม่ ไม่ค่อยวิตกกังวล
ครอบครัวผม ไม่ฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต มานานมาก ..
สมัยตอนเด็กๆ พ่อผม อาจ ไปจับปลาบ้าง
ฆ่าเป็ด ฆ่าไก่ บ้าง เพื่อมาประกอบอาหาร
หลังจาก พ่อผมบวช ไม่มีใครฆ่าสัตว์มาทำอาหารอีกเลย
ส่วนมาก จะซื้อปลา เป็ดไก่ ที่ตายแล้ว มาประกอบอาหาร
ผมโทรคุยกับแม่ เป็นประจำ
หลายคร้ง ที่แม่บ่นว่า ไม่สบาย ... คงอยู่ได้ ไม่นาน ไม่รู้จะตายเมื่อไหร่
ผมจะคุยกับแม่ ตายก็ตายแม่ ไม่เห็นเป็นไร เป็นเรื่องปกติ
พอผมพูดแบบนี้ แม่มักจะสบายใจ แล้วหัวเราะ
เออเนาะ ตายก็ตาย แล้วแม่ก็หัวเราะ อารมณ์ดี มองว่าการตายเป็นปกติ
ผลจากการศึกษาธรรมมะ ไหว้พระ สวดมนต์ ปฏิบัติธรรมบ่อยๆ
การทำบุญสร้างกุศล อยู่เนืองๆ ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
ทำให้แม่ไม่กลัวความตาย ...
และเตรียมรับความตายซึ่งอาจจะมาเมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้
ผมเองก็พยายาม ให้สติแม่ ว่า เวลาตาย ไม่ต้องห่วง ลูกหลาน
เพราะทุกคนก็โตแล้ว และ ทุกคนก็แล้วแต่กรรมของใครของมัน
สิ่งที่ผมภูมิใจกับแม่ ที่แม่ไม่ห่วง และไม่กลัวตาย เห็นเรื่องตายเป็นเรื่องปกติ
ทุกครั้งที่คุยกับแม่เรื่องนี้ แม่อารมณ์ดี ไม่มีท่าทีวิตกกังวลใดๆ
เราเตรียมตัว ทั้งแม่และลูก เวลาที่เหลือ เราต้องพยายาม ทำดีกับแม่ให้มากที่สุด
เท่าที่โอกาส จะอำนวย แม้จะไม่ได้ รับใช้ท่านใกล้ชิด
แม่ตาย แม่ก็ไม่กังวล เพราะแม่ ทำแต่ความดี สร้างบุญสร้างกุศล ไม่ทำบาปกรรม
แม่ตาย ลูกก็ไม่เป็นห่วง เพราะ ตอนมีชีวิตอยู่ ลูกพยายาม ทำดีกับแม่ตอนมีชีวิตอยู่
ถ้าครอบครัวใด ใช้หลักธรรมมะ ในการดำเนินชีวิต
เราจะไม่กลัวสิ่งใด แม้แต่ความตาย ครับ
อาจจะมี โลภ โกรธ หลง เหลืออยู่บ้าง แต่เราพยายาม ทำให้ดีที่สุด ครับ
<<... ภูมิใจกับแม่ผม ตายก็ตาย ไม่เห็นเป็นไร (หัวเราะ) ... >>
แต่อานิสงค์ ของการบวช และ ปฏิบัติกรรมฐาน
ทำให้ท่านอยู่ได้ โดยไม่ต้องพึ่งยาอะไรมากมาย
ฉันมือ้เดียว กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย อยู่คนเดียวกลางป่า
กลางคืน เดินจงกลม นั่งสมาธิ ...
ทำให้ท่านพออยู่ได้ โดยไม่ต้องพึ่งยามากมาย
แม่ผม อายุ ปรมาณ 70 กว่าๆ อยู่บ้านนอก
ผมเองทำงานกรุงเทพ ปีหนึ่ง ก็กลับบ้าน ไปกราบเท้าแม่
ปีละ ครั้งสองครั้ง ...
แม่... ท่านไม่ค่อยสบาย เป็นโรคหัวใจ
แต่ก็อยู่ได้ เพราะแม่สวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ ทุกคืน
ใจบุญสุนทาน หมั่นสร้างบุญ สร้างกุศล อยู่เนืองๆ
ทำให้แม่ สบายใจ ไม่เป็นทุกข์ แม้ว่าบางครั้ง ร่างกายจะเจ็บป่วย
แต่กำลังใจดี ทำให้แม่ ไม่ค่อยวิตกกังวล
ครอบครัวผม ไม่ฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต มานานมาก ..
สมัยตอนเด็กๆ พ่อผม อาจ ไปจับปลาบ้าง
ฆ่าเป็ด ฆ่าไก่ บ้าง เพื่อมาประกอบอาหาร
หลังจาก พ่อผมบวช ไม่มีใครฆ่าสัตว์มาทำอาหารอีกเลย
ส่วนมาก จะซื้อปลา เป็ดไก่ ที่ตายแล้ว มาประกอบอาหาร
ผมโทรคุยกับแม่ เป็นประจำ
หลายคร้ง ที่แม่บ่นว่า ไม่สบาย ... คงอยู่ได้ ไม่นาน ไม่รู้จะตายเมื่อไหร่
ผมจะคุยกับแม่ ตายก็ตายแม่ ไม่เห็นเป็นไร เป็นเรื่องปกติ
พอผมพูดแบบนี้ แม่มักจะสบายใจ แล้วหัวเราะ
เออเนาะ ตายก็ตาย แล้วแม่ก็หัวเราะ อารมณ์ดี มองว่าการตายเป็นปกติ
ผลจากการศึกษาธรรมมะ ไหว้พระ สวดมนต์ ปฏิบัติธรรมบ่อยๆ
การทำบุญสร้างกุศล อยู่เนืองๆ ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
ทำให้แม่ไม่กลัวความตาย ...
และเตรียมรับความตายซึ่งอาจจะมาเมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้
ผมเองก็พยายาม ให้สติแม่ ว่า เวลาตาย ไม่ต้องห่วง ลูกหลาน
เพราะทุกคนก็โตแล้ว และ ทุกคนก็แล้วแต่กรรมของใครของมัน
สิ่งที่ผมภูมิใจกับแม่ ที่แม่ไม่ห่วง และไม่กลัวตาย เห็นเรื่องตายเป็นเรื่องปกติ
ทุกครั้งที่คุยกับแม่เรื่องนี้ แม่อารมณ์ดี ไม่มีท่าทีวิตกกังวลใดๆ
เราเตรียมตัว ทั้งแม่และลูก เวลาที่เหลือ เราต้องพยายาม ทำดีกับแม่ให้มากที่สุด
เท่าที่โอกาส จะอำนวย แม้จะไม่ได้ รับใช้ท่านใกล้ชิด
แม่ตาย แม่ก็ไม่กังวล เพราะแม่ ทำแต่ความดี สร้างบุญสร้างกุศล ไม่ทำบาปกรรม
แม่ตาย ลูกก็ไม่เป็นห่วง เพราะ ตอนมีชีวิตอยู่ ลูกพยายาม ทำดีกับแม่ตอนมีชีวิตอยู่
ถ้าครอบครัวใด ใช้หลักธรรมมะ ในการดำเนินชีวิต
เราจะไม่กลัวสิ่งใด แม้แต่ความตาย ครับ
อาจจะมี โลภ โกรธ หลง เหลืออยู่บ้าง แต่เราพยายาม ทำให้ดีที่สุด ครับ